ทายาทปราสาทสายฟ้า “สุภโชค สารชาติ”

ทายาทปราสาทสายฟ้า “สุภโชค สารชาติ”


วันเดอร์คิดแห่งยอดทีมแดนอีสานใต้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขาถือได้ว่าเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพที่สุดคนนึงของสโมสร ซึ่งพาทีมประสบความสำเร็จมากมายตั้งแต่ในระดับอคาเดมี่จนมาถึงชุดใหญ่ ก่อนที่ในเวลานี้จะเป็นกำลังหลักให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่ในปัจจุบัน ในตอนนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขาปีกจรวดและเพลย์เมกเกอร์จอมลากเลื้อยที่ดีที่สุดในตอนนี้ เช็ค “สุภโชค สารชาติ”

เขาเกิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2541 อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ มีพี่น้องร่วมสายเลือด 2 คน โดยเขาเป็นลูกคนโต ครอบครัวของเขาไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรมากมาย เป็นเกษตรกรที่หาเช้ากินค่ำทั่วไปๆ แต่ด้วยความชอบฟุตบอลทำให้เขาเริ่มเล่นฟุตบอลในตอนอายุ 9 ขวบ และได้เข้าศึกษาที่โรงเรียน ขุขันธ์ ในจังหวัดศรีสะเกษ ที่นั่นเขาได้เล่นฟุตบอลแบบจริงจังของโรงเรียนทั้งการแข่งขันในระดับลูกหนังขาสั้นเขามีส่วนร่วมกับทีมในทุกรายการ ตอนนั้นเองเขามีอายุน้อยกว่าเพื่อนร่วมทีมถึง 3 ปี แต่ฝีเท้าของเขาดูเหมือนจะเก่งเกินรุ่น ทำให้อาจารย์ที่โรงเรียนได้พาเขาไปคัดตัวเพื่อเข้าสู่อคาเดมี่ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงนั้นเขามีอายุเพียง 13 ปี แต่แบกอายุไปคัดในรุ่น 16 ปีและได้โชว์ศักยภาพให้บรรดาทีมงานสต๊าฟโค้ชของบุรีรัมย์ให้เห็น จนมีชื่อติด 1 ใน 10 คน จากการคัดเลือกว่า 1,000 คน

เมื่อได้ก้าวสู่สาระบบการเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดแล้ว ทำให้เขาต้องย้ายจากศรีสะเกษมาอยู่บุรีรัมย์เพื่อทำตามความฝันทางด้านฟุตบอลของเขาอย่างจริงจัง เพียงไม่นานที่อยู่ในอคาเดมี่ของปราสาทสายฟ้า เขาสามารถพาทีมรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษาถ้วย ข มาครองได้ และพัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี คว้ารองแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา ถ้วย ก คว้าอันดับที่ 3 ฟุตบอลไพรมินิสเตอร์ในระดับประเทศ และในตอนขึ้นมาเล่นรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ยังสามารถคว้ารองแชมป์โค้กคัพฯ ในปี 2015/2016 อีกด้วย ซึ่งในตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 16 ปี เท่านั้น ด้วยพรสวรรค์ที่เกินอายุทำให้ นายเนวิน ชิดชอบ บอสใหญ่แห่งเมืองบุรีรัมย์ เล็งเห็นศักยภาพในตัวเขา จึงส่งสุภโชค ไปสะสมประสบการณ์ในระดับฟุตบอลอาชีพกับ สุรินทน์ ซิตี้ ในดิวิชั่น 2 ที่นั้นเขาได้รับโอกาสลงสนามและได้โชว์ฝีเท้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้อยู่ได้แค่เพียงเลกเดียวเท่านั้น ต้นสังกัดอย่างบุรีรัมย์ก็ดึงตัวเขากลับไปเพื่อขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่

กับชุดใหญ่อย่างเป็นทางการของสโมสรเขาได้สร้างสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในฟุตบอลไทยลีกกับบุรีรัมย์เป็นอันดับที่ 2 ด้วยวัยเพียง 17 ปี 2 เดือน 18 วัน ในเกมที่บุกชนะ ศรีสะเกษ เอฟซี เมื่อปี 2015 จากนั้นเขาก็ได้รับการไว้วางใจให้ลงสนามเป็นกำลังหลักของทีม เขาสร้างชื่อเรื่อยๆจากสไตล์ลากเลื้อยกินตัวและความเร็วที่พร้อมจะกระชากคู่แข่งให้ไปอยู่ข้างหลังบวกกับแนวรุกบุรีรัมย์ที่มียอดตำนานดาวยิงอย่าง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ เครื่องจักรถล่มประตูของบุรีรัมย์ คอยขัดเกลาคอยปลุกปั้นหลายๆจังหวะในเกมให้กับสุภโชคเสมอทำให้เขาพัฒนาและยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วงที่บุรีรัมย์ยูไนเต็ดประสบปัญหาในเรื่องจบสกอร์ในเกมรุกที่ยังไม่มีศูนย์หน้าชาวต่างชาติรายไหนเข้ามาสร้างความแตกต่างในเกมรุกหลังจากที่ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ได้ย้ายออกจากทีมไป ก็เป็นเจ้าเช็คนี่แหละครับที่แบกความหวังในเกมรุกทุกๆอย่างจนหลายสื่อคิดว่าเขาคือผู้เล่นไทยแบกที่แบกต่างชาติภายในทีม ทำให้เขาถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ ในศึกคัดบอลโลก ปี 2018 ยุคของมิโลวานราเยวัช และนั่นเองก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเขากับทีมชาติไทย ที่ไล่ระดับติดทีมชาติตั้งแต่ วัย 19 ปี จนมาถึงชุดใหญ่ในปัจจุบัน

ปัจจุบันเขามีอายุ 22 ปี แน่นอนว่าด้วยความเก่งเกินอายุมักจะมีความคาดหวังมาด้วยกันเสมอ เขาเคยถูกวิจารณ์จากแฟนบอลในโซเชียลเกมส์ที่ทีมชาติไทยเปิดบ้านเสมอกับเวียดนาม 0-0 ในเกมคัดบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก ในจังหวะสุดท้ายที่เขาพยายามจะยิงประตูชัยให้กับทีมไทยแต่ติดผู้รักษาประตู ดัง วาน ลัม ของเวียดนามเซฟเอาไว้ ทั้งๆที่จังหวะมีชนาธิปเป็นตัวเลือกให้เขาส่งได้ แต่เขากับเลือกที่จะยิงเอง ทำให้เกิดคำวิจารณ์จากแฟนบอลทั้งการด่าทอ การดูถูกเหยียดหยาม สิ่งนั้นเองไม่ได้ทำให้เขาย่อท้อแต่อนย่างใด แต่มันกลับทำให้เขามีความกระหายที่จะลงเล่นในขึ้นไปอีกเพื่อที่จะโชว์ศักยภาพตอบกลับเสียงวิจารณ์ โดยในเกมต่อมาเขาได้ยิง 2 ประตู ช่วยให้ทีมชาติไทยบุกไปเอาชนะอินโดนีเซียถึงถิ่น แสดงให้เห็นว่าเขานั้นมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมกับฟุตบอลที่เขารักและทำทุกวิถีทางให้ทีมชนะ

โดยในตอนนี้เขาเป็นกำลังหลักคนสำคัญที่พาทีมชาติไทยคว้าแชมป์อาเซียนสมัยที่ 6 มาครองได้ และเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งพอแล้วหรืออยู่ในระดับสูงสุดของอาชีพนักฟุตบอล เขายังคงกระหายที่จะพัฒนาต่อยอดตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เขายังอยากประสบความสำเร็จต่อไปเรื่อยๆ และพาตัวเองไปให้ไกลกว่าเดิมบนเส้นทางของโลกลูกหนัง

ดูข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : Goalstorm

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จากเด็กน้อยสู่วัยที่ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ อารอน แรมส์เดล

il Capitano กัปตันมัลดินี่