จากเด็กน้อยสู่วัยที่ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ อารอน แรมส์เดล

จากเด็กน้อยสู่วัยที่ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ อารอน แรมส์เดล


ในโลกของฟุตบอล ตำแหน่งผู้รักษาประตูดูจะเป็นตำแหน่งที่ต้องแบกรับความกดดันอย่างมากมายมหาศาล หากนัดไหนเล่นได้ดีแล้วทีมชนะ น้อยคนนักที่จะหันไปมองและยกเครดิตให้กับพวกเขา แต่ถ้าหากนัดนั้นเกิดแพ้แบบเละเทะ แน่นอนเลยว่า ตำแหน่งที่จะถูกมองและวิจารณ์ก็คงจะหนีไม่พ้นผู้รักษาประตู 


และยิ่งเป็นผู้รักษาประตูที่ถูกมองว่า ไปอยู่ที่ไหนแล้วทีมที่สังกัดก็ตกชั้น ก็ยิ่งจะดูเป็นเรื่องที่ใจร้ายใจดำและน่าเห็นใจเขาอยู่เหมือนกัน ซึ่ง อารอน แรมส์เดล นายทวารหนุ่มเลือดใหม่สัญชาติอังกฤษ ก็เคยพบเจอกับปัญหานี้ ตัวเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะเดินทางบากบั่นและพิสูจน์ตัวเองจนเป็นที่ยอมรับ


เด็กน้อยแรมเดลส์ เป็นผลผลิตจาก อคาเดมี่ของทีม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ด้วยผลงานที่ไม่น่าเป็นที่ประทับใจและยังหาที่ยืนของตัวเองไม่ได้ สุดท้ายก็เป็น บอร์นมัธ ในยุคของ เอ็ดดี้ ฮาว ซื้อตัวเขามาด้วยราคา 8 แสนปอนด์ และก็เป็น เอ็ดดี้ ฮาว อีกนั้นแหละที่เป็นคนเฝ้ามองการเจริญเติบโตของหนุ่มน้อยคนนี้ หวังจะปลุกปั้นให้เป็นมือ1 ของทีมในอนาคต


และการปลุกปั้นนายทวารหนุ่มน้อยในสไตล์ของกุนซือ บอร์นมัธ ก็คือการส่งให้เจ้าหนูออกไปเผชิญความกดดันของโลกภายนอกด้วยตัวเอง ในครั้งแรกเขาถูกส่งออกไปฝึกวิชาให้กับทีมใน ลีค ทู กับสโมสร เชสเตอร์ฟิลด์ เพื่อหวังว่าการต่อสู้อยู่กับทีมเล็ก ๆ จะช่วยส่งเสริมด้านสภาพจิตใจให้แข็งแกร่งและจะช่วยพัฒนาในด้านการรับมือกับความกดดันและตึงเครียดมากกว่า ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี 


และเมื่อหนุ่มน้อยกลับมาหลังจากฝึกฝนตำรารับแรงกดดันและความตึงเครียดจากทีมเล็ก ๆ เรียบร้อยแล้ว เหมือนทุกอย่างจะไปได้ดีสำหรับเด็กหนุ่มอายุ 19 ปี ตัว แรมเดลส์ เกือบจะได้รับโอกาสถูกส่งชื่อเป็นนักเตะสำรองของทีมชุดใหญ่ในนัดที่ บอร์นมัธ ต้องเจอกับ สโต๊ค ซิตี้ แต่ความเป็นเด็กน้อยของเขาก็ทำให้เขาพลาดโอกาสวันนั้นไปอย่างน่าเสียดาย 


ในนัดสำคัญนั้นเขาตื่นสาย และมาขึ้นรถบัสเพื่อไปสนามแข่งไม่ทัน เขาไปช้าถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง และนั่นแหละกุนซือผู้ที่อยากจะปลุกปั้นเด็กคนนี้ผิดหวังมาก จากที่ตอนแรกคิดว่าเขาพร้อมแล้วกับโอกาส แต่ก็ไม่เลย เด็กน้อยผู้นี้ทำพลาดเองกับมือ ต่อให้มีความอดทนจากเกมที่ตึงเครียดได้แค่ไหน เด็กน้อยก็ยังขาดความเป็นมืออาชีพอยู่ดี โชคยังดีที่ยังได้รับโอกาสสุดท้าย   


เขาจึงถูกส่งไปยืมตัวอีกครั้งกับทีม วิมเบิลดัน ในลีกที่สูงขึ้นมาอีกนิดอย่าง ลีค วัน พร้อมกับสัญญาใจระหว่างกุนซือว่า เขาจะต้องได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ เพื่อสั่งสมประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพที่มากขึ้น และที่นั่น อารอน แรมเดลส์ เองก็ไม่ทำให้ทั้งสองกุนซือผิดหวัง เมื่อได้รับโอกาสเป็นมือ 1 ของทีม แรมเดลส์ พกพาความมั่นใจ เขาลงเฝ้าเสาตะโกนสั่งบงการเกมในเขตแดนหน้าประตูอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนได้รับคำชมจากบรรดารุ่นพี่และสต๊าฟโค้ช


และสุดท้าย แรมเดลส์ นำเอาความผิดพลาดที่ตัวเองทำไว้ในอดีต เป็นแรงผลักดันเปลี่ยนแปลงทัศนคติ พกพาความเป็นมืออาชีพและความเป็นผู้ใหญ่กลับมาหา เอ็ดดี้ ฮาว อีกครั้ง นั่นแหละคือโอกาสของเขา ในตอนนี้ตัวเขารู้ดีว่าเขาพร้อมอย่างเต็มที่ พร้อมที่จะลงเล่นในพรีเมียร์ลีคในฐานะ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่อายุน้อยที่สุดในฤดูกาล 2019/20 ด้วยวัยเพียง 21 ปี


เหมือนที่เด็กน้อยได้ฝันใผ่เอาไว้ ปีแรก บอร์นมัธ เริ่มต้นมาอย่างดี แต่เหมือนนานไปยิ่งเล่นก็ยิ่งดิ่งลงเหว และก็โชคไม่ดีสำหรับเด็กหนุ่ม เมื่อโอกาสในการขึ้นมาเป็นมือ 1 ของเขา แต่ทีมกลับตกชั้น แต่ก็ไม่มีอะไรแย่ แรมเดลส์ ผ่านเรื่องราวมามากมายเกินวัย สุดท้ายผลงานที่ได้ฝากเอาไว้กับ บอร์นมัธ ก็ส่งผลให้ทีมเก่าอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ดึงตัวไปแทนที่นายทวารที่ยืมมาจากปีศาจแดง


แต่มันเหมือนกับตลกร้ายที่เด็กหนุ่มต้องเผชิญ ไม่ว่าจะยื้อหรือรั้งแค่ไหนเจ้าหนูเองก็ไม่สามารถช่วยให้ทีม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หนีรอดจากการตกชั้นได้ เป็นมือ 1 ทั้ง 2 ทีม และตกชั้นลงไปทั้ง 2 ทีม ช่างเป็นเรื่องที่เกินจะรับไหวกับสภาพจิตใจที่อ่อนโยน แต่โชคยังดีที่ อารอน แรมเดลส์ ถูกฝึกปรือในด้านนี้มาอย่างสมบุกสมบัน ไม่ว่าจะถูกล้อว่าอยู่ที่ไหนทีมก็ตกชั้นไม่สามารถส่งผลให้หนุ่มน้อยยอมแพ้


ในวันที่ อาร์เซน่อล ตัดสินใจซื้อตัวเขามาด้วยราคา 30 ล้านปอนด์ สร้างความสับสนงุนงงและไม่พอใจสำหรับสาวก เดอะ กันเนอส์ อย่างมาก คำว่าเด็กที่อยู่ที่ไหนทีมก็ตกชั้นกลายมาเป็นคำปรามาสว่าร้ายเขา และถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะถอยหลังนั่งคุดคู้เอาแขนทั้งสองกอดเข้านั่งร้องไห้ไปแล้ว 


แต่ แรมเดลส์ ไม่ใช้คนที่อ่อนแอขนาดนั้น เขายืดอกยอมรับอดีต ตั้งหน้าตั้งตาแสดงศักยภาพ จนสุดท้ายก็เบียดแย่งมือหนึ่งจาก แบรนด์ เลโน่ มาครองได้ในที่สุด การถูกยอมรับจาก มิเกล อาเตร์ต้า ในคราแรกนั้นก็มีผลต่อจิตใจให้เขาทำผลงาน เซฟประตูสำคัญ ๆ ให้กับทีม จนตอนนี้จากทีมลุ่ม ๆ ดอน ๆ เคยอยู่ในอันดับที่ 19 ของตารางในกาลก่อน กลายเป็นทีมที่แพ้ยากและทะยานขึ้นมามีแต้มไม่ห่างจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยเวลาอันรวดเร็ว


การที่ต้องรับความกดดันในเส้นทางอาชีพตั้งแต่ยังเด็ก ในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันยังอยู่ในระดับอคาเดมี่ในวันนั้น ส่งผลให้เขาแข็งแกร่งและลุกขึ้นมายืนหยัดเป็น อารอน แรมเดลส์ ผู้ใหญ่ในวัย 23 ปีได้ในวันนี้.


ดูข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : Goalstorm


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทายาทปราสาทสายฟ้า “สุภโชค สารชาติ”

il Capitano กัปตันมัลดินี่