il Capitano กัปตันมัลดินี่

 il Capitano กัปตันมัลดินี่


“ ปู่ของผมเป็นมิลาน พ่อของผมก็มิลาน ผมเองก็มิลาน ลูกชายของผมก็มิลาน ” คือคำพูดของ เซซาเร มัลดินี ที่กล่าวถึงตัวของลูกชายยอดแบ็คซ้ายตำนาน One Man Club แห่งเมืองแฟชั่นอย่าง เอซี มิลาน ในช่วงเวลาที่เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน มีความสนใจและต้องการดึงเขาเข้าร่วมโรงละครแห่งความฝันจนถึงกับต้องมาเจรจาด้วยตัวเอง แต่หลังจากได้ฟังคำพูดนี้เพียงประโยคเดียวจากผู้เป็นพ่อก็ทำให้ยอดกุนซือเลือดสก๊อตต้องยอมตัดใจถอยออกไปแต่โดยดี


เปาโล มัลดินี่ เกิดและเติบโตมาท่ามกลางครอบครัวที่มีฟุตบอลเปรียบเสมือนดั่งเส้นเลือดใหญ่ที่ใช้หล่อเลี้ยงหัวใจ และที่สำคัญตระกูลมัลดินี่ของเขาก็เหมือนจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรแห่งเมืองแฟชั่นอย่าง เอซี มิลาน ไปแล้วจากภาพจำที่สมาชิกในครอบครัวสวมชุด สีแดง - ดำ ลงเล่นตั้งแต่รุ่นคุณปู่


หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าด้วยความที่ปู่และพ่อของเขาเป็นนักเตะชื่อดังของทีม ตัวของเขาเองก็คงจะได้ลงเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้เฉกเช่นเดียวกันอย่างไม่ยากเย็นเท่าใหร่ แต่ไม่มีใครรับรู้ถึงความกดดันนี้เท่ากับตัวของ เปาโล มัลดินี่ เอง การที่เด็กอายุ 10 ขวบ ต้องทนรับแรงกดดันมหาศาลจากเหล่าบรรดาแฟนบอลที่แค่เห็นนามสกุลด้านหลังเสื้อก็คิดไปแล้วว่า เจ้าหนุ่มคนนี้คงเป็นเด็กเส้นแน่ ๆ คงจะเป็นเรื่องที่ยากในช่วงวัยนั้นมาก ๆ 


และแล้วในวันที่ 20 มกราคม ปี 1985 ก็เป็นวันแห่งความทรงจำของเด็กหนุ่ม เปาโล ถูกเปลี่ยนตัวให้ลงสนามเป็นครั้งแรกด้วยวัย 16 ปีในเกมที่ เอซี มิลาน พบกับ อูดิเนเซ่ ถึงในตอนนั้นโอกาสในการลงสนามจะไม่มากเท่าใหร่ แต่ในฤดูกาลถัดมาด้วยความพยายามและพรสวรรค์ที่มีติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ตัวเขาเองก็สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างถาวร และก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของปีศาจแดง - ดำ ได้อย่างไม่มีคำครหา สุดท้ายสิ่งที่เปาโลทำบนสนามก็สามารถลบคำสบประมาทว่าเขาเป็นเด็กเส้นจากแฟนบอลไปตลอดกาล


ยุคของ เอซี มิลาน ที่มี เปาโล มัลดินี่ สามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนส์คัพแบบ 2 สมัยติดในปี 1988/89 และ 1989/90 บวกแชมป์ลีกสูงสุดอย่างสคูเดตโตของเซเรีย อา ได้ถึง 3 สมัยติดกัน หนำซ้ำยังครองสถิติไร้พ่ายได้ถึง 58 นัด แบบที่ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีสโมสรไหนในแผ่นดินอิตาลีจะอาจหาญลบได้ลง


ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่เน้นวิ่งไล่บอลคู่แข่งแบบบ้าคลั่งและปราศจากการเข้าสกัดแบบสกปรกผิดกติกา แต่เน้นใช้วิธีการเข้าบอลที่เด็ดขาดหรือพยายามให้คู่แข่งกดดันหรือตัดสินใจลำบากเวลาที่โดนเขาตามประกบ ทำให้สไตล์การเล่นของเขาถูกจำกัดความด้วยคำเท่ ๆ ว่า “Art of Defending” 


และเมื่อตำนานลิเบอโร่อย่าง ฟรังโก้ บาเรซี่ ถึงวัยโรยราตำแหน่งกัปตันจึงถูกส่งต่อมาให้ตัวเขาอย่างที่ไม่มีใครโต้แย้งได้ มัลดินี่ ทำงานรับใช้ปีศาจแดงดำอย่างไร้ที่ติ ในแดนหลังเขาสามารถปลุกเร้าลูกทีมให้ฮึดขึ้นสู้ยามที่ต้องสู้ และวางแผนเกมรับได้เหนียวแน่นยามที่ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ เขาเป็นทุก ๆ อย่างให้กับทีม สมกับคำกล่าวขานยกยกว่าเป็น ยอดกัปตัน แห่งถิ่นซานซิโร่อย่าง เอซี มิลานไปตลอดกาล.


ดูข่าวสารเพิ่มเติม ได้ที่ : Goalstorm




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทายาทปราสาทสายฟ้า “สุภโชค สารชาติ”

จากเด็กน้อยสู่วัยที่ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ อารอน แรมส์เดล